แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 17
1
โทรศัพท์มือถือใหม่ 2024: วีโว่ vivo V40 Pro 5G (12GB/512GB)
24,999 บาท 

วีโว่ vivo V40 Pro 5G (12GB/512GB)
ZEISS พอร์ตเทรตระดับโปรทุกกล้องเลนส์ ZEISS พอร์ตเทรต ZEISS หลายระยะโฟกัส
ออร่าพอร์ตเทรต AI แสงไฟสตูดิโอ 3D
สไตล์การออกแบบที่ประณีต ด้วยเฉดสีพิเศษ7.58 มม.* ความบางตัวเครื่อง
ชิปเซ็ตเรือธง Dimensity 9200+กระบวนการผลิต 4 nm 1,590,000 คะแนน AnTuTu ประสิทธิภาพ GPU 83% ↑
แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 5500 mAh* ชาร์จไว 80W* วัสดุ Silicon-Carbon Anodes รุ่นที่ 2

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            วีโว่ vivo V40 Pro 5G (12GB/512GB)
   ราคากลาง         24,999 บาท
   จำนวนซิม         2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์         จอสัมผัส
   สี                   Silver(Stellar Silver)
   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850/900/1800/1900 MHz)
3G(WCDMA B1/B2/B4/B5/B8)
4G(FDD-LTE B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B12/B17/B18/B19/B20/B26/B28/B66)
5G(n1/n2/n3/n5/n7/n8/n20/n26/n28/n66/n38/n40/n41/n77/n78)

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 164.16 x กว้าง 74.93 x หนา 7.58 มม., น้ำหนัก 192 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)  512 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด     -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ      ความจุแบตเตอรี่ 5,500 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด      6.78 นิ้ว, 452 ppi, 1,260 x 2,800 px
   รายละเอียดอื่น
อัตรารีเฟรช 60 Hz; 120 Hz
ความอิ่มตัวของสี 105% NTSC
วัสดุเปล่งแสง Q9
การสัมผัสหน้าจอ Capacitive multi-touch
ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วน 4500 nits
ขอบเขตสี 100% DCI-P3

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (50 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Mediatek Dimensity 9200+
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)              12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.4), NFC, Wi-Fi
   ระบบรับส่งข้อความ                   -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, WiFi, 4G, 5G

2
จัดฟันบางนา: ข้อห้ามในการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ จัดฟันแบบใส Invisalign

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เป็นการรักษาที่นำนวัตกรรมมาใช้ในการวางแผนการรักษา จนถึงการรักษา โดยนวัตกรรมนี้สามารถวางแผนการรักษาด้วยระบบ 3D และผู้เข้ารับการรักษาสามารถดูผลการรักษาล่วงหน้าได้ ข้อดีสำหรับการจัดฟันแบบใส คือสามารถมองเห็นเครื่องมือการจัดฟันได้ยาก ซึ่งจะดูเป็นการจัดฟันที่เป็นธรรมชาติมาก

นอกจากนี้ยังสามารถถอดเครื่องมือออกได้ขณะรับประทานอาหารและการทำความสะอาดฟัน การถอดเครื่องมือออกได้นี่เองเป็นการสะดวกในการรับประทานอาหาร ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign จึงมีความหลากหลายในการรับประทาน สามารถรับประทานอาหารได้ทุกรูปแบบ โดยไม่กระทบต่อเครื่องมือการจัดฟัน

การจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย แต่การจัดฟันแบบใส การมีวินัย ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก หากผู้เข้ารับการจัดฟันไม่มีวินัยในการใส่เครื่องมือการจัดฟันที่ทันตแพทย์แนะนำให้ใส่ทุกวันเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมง ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อการจัดฟันด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใส ก็มีพฤติกรรมการรับประทานที่จำกัดในการจัดผันแบบใส

นั่นก็คือ หากผู้เข้ารับการจัดฟัน มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารจุกจิก กินขนมหลังจากมื้ออาหาร รวมไปถึงการจิบกาแฟตลอดวัน ถือเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงการมีวินัยในการใส่เครื่องมือ เพราะการรับประทานอาหารผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign จะต้องถอดเครื่องมือออก ก่อนจะรับประทานอาหาร ซึ่งหากมีพฤติกรรมที่กินจุกจิก ก็อาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะต้องคอยถอดเครื่องมือบ่อยๆ

และหากผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นคอกาแฟที่ชอบจิบกาแฟอยู่ตลอดทั้งวัน ก็เป็นอุปสรรคในการจัดฟันแบบใส เพราะจะต้องคอยถอดเครื่องมือการจัดฟันออก หากจะจิบกาแฟ ซึ่งก็จะไม่สะดวก เพราะถ้าหากใส่เครื่องมือการจัดฟัน ขณะดื่มกาแฟ จะทำให้สีของกาแฟ ติดอยู่ที่เครื่องมือการจัดฟัน ทำให้สีของเครื่องมือเปลี่ยน และเมื่อใส่เครื่องมือก็จะทำให้ดูเหมือนมีสีฟันที่เหลือง ซึ่งก็จะทำให้เสียบุคลิกภาพ ทั้งนี้หากคุณอยากจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign สามารถเข้ารับคำปรึกษาก่อนทำการจัดฟันได้ที่คลีนิค

เพื่อจะได้ทราบถึงรายละเอียดที่ชัดเจนของการจัดฟันแบบใส Invisalign เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดหันมาอย่างยาวนาน

3
หมอออนไลน์: ท้องเดิน/อุจจาระร่วง (Diarrhea/Gastroenteritis)

ท้องเดิน (ท้องร่วง ท้องเสีย อุจจาระร่วง) หมายถึง ภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวมากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียว

ในทารกที่กินนมมารดา ปกติอาจถ่ายอุจจาระเหลว ๆ บ่อยครั้งได้ ไม่ถือว่าเป็นอาการของท้องเดิน แต่ถ้าถ่ายเป็นน้ำจำนวนมากและบ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็น ก็ถือว่าผิดปกติ

ท้องเดินเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมีสาเหตุได้หลายประการ ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และมักหายได้เอง ส่วนน้อยอาจมีอาการรุนแรงทำให้มีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ

นอกจากอาการถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว หรือถ่ายมีมูกเลือดปนแล้ว อาจมีอาการไข้ ปวดท้อง อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งสุดแล้วแต่สาเหตุที่เป็น (ตรวจอาการ ท้องเดิน และ ท้องเดินเรื้อรัง)

สาเหตุ

1. ถ้าเป็นท้องเดินชนิดเฉียบพลัน อาจเกิดจาก

    การติดเชื้อ ซึ่งพบได้บ่อยกว่าสาเหตุอื่น อาจเกิดจากเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสโรตา ไวรัสโคโรนา ไวรัสอะดีโน) เชื้อแบคทีเรีย (เช่น ชิเกลลา ไทฟอยด์ อหิวาต์) โปรโตซัว (เช่น อะมีบา ไกอาร์เดีย มาลาเรีย) หนอนพยาธิ (เช่น พยาธิแส้ม้า ทริคิเนลลาสไปราลิส)
    สารพิษจากเชื้อโรค โดยการกินพิษของเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอาหาร ซึ่งมักจะพบว่า ในกลุ่มคนที่กินอาหารด้วยกันมีอาการพร้อมกันหลายคน
    สารเคมี เช่น ตะกั่ว สารหนู ไนเทรต ยาฆ่าแมลง เป็นต้น มักทำให้มีอาการอาเจียน ปวดท้องรุนแรง และชักร่วมด้วย
    ยา เช่น ยาถ่าย ยาลดกรด ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคเกาต์ (เช่น คอลชิซิน) เป็นต้น

ในกรณีที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ สาเหตุที่ชักนำให้เกิดอาการท้องเดินคือ ยาปฏิชีวนะเข้าไปทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่เป็นปกติวิสัยหรือประจำถิ่น (normal flora) บางชนิดในลำไส้ใหญ่ ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium difficile ที่แฝงเร้นอยู่มีการเจริญเติบโตจนเกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ภาวะนี้พบบ่อยในผู้ที่ใช้ยาคลินดาไมซิน (clindamycin) ลินโคไมซิน (lincomycin) กลุ่มเพนิซิลลิน และเซฟาโลสปอริน นอกจากนี้ก็อาจพบในการใช้ยาอีริโทรไมซิน กลุ่มเตตราไซคลีน กลุ่มซัลฟา และกลุ่มควิโนโลน

อาการมักเกิดหลังการใช้ยาประมาณ 1-10 วัน (บางรายภายใน 6 สัปดาห์) ถ้าเป็นไม่รุนแรงจะมีอาการถ่ายเหลวบ่อย ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการถ่ายเป็นมูกและมีเลือดออก มีไข้ ปวดท้อง เกิดภาวะขาดน้ำ ความดันต่ำ หรือลำไส้ใหญ่ทะลุ เป็นอันตรายร้ายแรงได้ เรียกภาวะรุนแรงนี้ว่า Pseudomembranous colitis

    สัตว์พิษ (เช่น ปลาปักเป้า ปลาทะเล หอยทะเล คางคก) พืชพิษ (เช่น เห็ดพิษ กลอย)

2.  ถ้าเป็นเรื้อรัง (ถ่ายนานเกิน 3 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) อาจเกิดจาก

    โรคลำไส้แปรปรวน มักทำให้มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมเดือนแรมปี โดยที่ร่างกายแข็งแรงดี
    การติดเชื้อ เช่น บิดอะมีบา ไกอาร์เดีย วัณโรคลำไส้ พยาธิแส้ม้า เอดส์ เป็นต้น
    โรคต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
    ภาวะพร่องแล็กเทส ซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนม จึงทำให้เกิดอาการท้องเดินหลังดื่มนม
    โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease/IBD)                   
    การแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ปลา กุ้ง หอย ปู ถั่วลิสง เป็นต้น ซึ่งพบได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก (ดู "การแพ้อาหาร" ที่หัวข้อสาเหตุ ใน "โรคลมพิษ" เพิ่มเติม)
    การดูดซึมผิดปกติ (malabsorption) เป็นภาวะที่ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ตามปกติ อาจเกิดจากการขาดเอนไซม์ย่อยอาหาร หรือความผิดปกติของลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง มะเร็งตับอ่อน ภาวะทางเดินน้ำดีอุดกั้น การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือถุงน้ำดี การติดเชื้อของลำไส้ (ที่พบบ่อยคือ ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย) เป็นต้น ทำให้เกิดอาการท้องเดินเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเหลวมีสีเหลืองอ่อน เป็นฟองลักษณะเป็นมันลอยน้ำ และมีกลิ่นเหม็นจัด (เนื่องจากไขมันไม่ถูกดูดซึม) ผู้ป่วยมักมีอาการน้ำหนักลด และอาจมีอาการของการขาดสารอาหาร เช่น ซีด บวม เป็นต้น
    เนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้หรือตับอ่อน
    ยา เช่น กินยาถ่ายหรือยาต้านกรดเป็นประจำก็ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังได้
    อื่น ๆ เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบ (colitis) จากการฝังแร่รักษามะเร็งปากมดลูก (ถ่ายเป็นมูกเลือดเรื้อรัง) ความเครียด การกระตุ้นหรือการไม่ย่อยของอาหาร (เช่น พริก กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำผลไม้)

อาการ

ขึ้นกับสาเหตุที่เป็น โดยทั่วไปจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง บางรายอาจมีไข้ หรือคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หรืออาจถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือด

ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ป่วยท้องเดินชนิดเฉียบพลัน ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะช็อก ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ความรุนแรงของโรคขึ้นกับขนาดของภาวะขาดน้ำเป็นสำคัญ

ภาวะขาดน้ำ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ขนาด ได้แก่

1. ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย (mild dehydration) น้ำหนักตัวลดประมาณร้อยละ 5 ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ และอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่อาการทั่วไปดี หน้าตาแจ่มใส เดินได้ ชีพจรและความดันเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

2. ภาวะขาดน้ำปานกลาง (moderate dehydration) น้ำหนักตัวลดประมาณร้อยละ 5-10 ผู้ป่วยจะรู้สึกเพลียมาก เดินแทบไม่ไหว แต่ยังนั่งได้ และยังรู้สึกตัวดี เริ่มมีอาการตาโบ๋ (ตาลึก) ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยวและขาดความยืดหยุ่น ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ

ในทารกนอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ากระหม่อมบุ๋ม และท่าทางเซื่องซึม ไม่วิ่งเล่นเหมือนปกติ

3. ภาวะขาดน้ำรุนแรง (severe dehydration) น้ำหนักตัวลดมากกว่าร้อยละ 10 ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียมาก ลุกนั่งไม่ได้ต้องนอน ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือช็อก (กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็นชืด ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำมาก ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย) และมีอาการตาโบ๋มาก ผิวหนังเหี่ยวมาก ริมฝีปากและลิ้นแห้งผาก หายใจเร็วและลึก

ในทารกนอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ากระหม่อมบุ๋มมาก แน่นิ่ง และตัวอ่อนปวกเปียก

ในผู้ป่วยท้องเดินชนิดเรื้อรัง ลำไส้อาจดูดซึมอาหารไม่ได้ ทำให้น้ำหนักลด ขาดสารอาหาร ซีดได้

ภาวะขาดน้ำในเด็กเล็ก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งในรายที่เป็นรุนแรงมักตรวจพบภาวะขาดน้ำ (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ "ภาวะแทรกซ้อน" ด้านบน) ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตต่ำ บางรายอาจมีภาวะช็อก ในรายที่มีอาการเล็กน้อยมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน นอกจากบางรายอาจพบว่ามีไข้

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อค้นหาสาเหตุ

ในรายที่มีอาการท้องเดินเรื้อรังที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกติของทางเดินอาหาร แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุ เช่น ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร/ลำไส้ใหญ่ ตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจอัลตราซาวนด์ เอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ในรายที่เป็นท้องเดินชนิดเฉียบพลัน

(1) ให้ผู้ป่วยงดอาหารแข็ง อาหารรสจัด และอาหารที่มีกากใย (เช่น ผัก ผลไม้) ให้กินอาหารอ่อน หรืออาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว น้ำหวานแทน ในทารกให้ดื่มนมมารดาตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัวแล้วค่อยให้ดื่มนมผสมตามปกติ

(2) ให้น้ำเกลือ

(2.1) ผู้ป่วยยังกินได้ ไม่อาเจียน หรืออาเจียนเพียงเล็กน้อย ให้กินสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ โดยผสมผงน้ำตาลเกลือแร่ขององค์การเภสัชกรรมกับน้ำสุกดื่มต่างน้ำบ่อย ๆ ครั้งละ ½-1 ถ้วย (250 มล.) หรือจะใช้น้ำเกลือผสมเองก็ได้ โดยใช้น้ำสุก 1 ขวดน้ำปลาใหญ่ (หรือขนาดประมาณ 750 มล.) ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (25-30 กรัม) และเกลือป่น ½ ช้อนชา (1.7 กรัม) หรือจะใช้น้ำอัดลมหรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ (ใส่เกลือ ½ ช้อนชาในน้ำอัดลมหรือน้ำข้าว 1 ขวดน้ำปลาใหญ่) ก็ได้

ในเด็กเล็ก ในช่วง 4 ชั่วโมงแรกให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่ในปริมาณ 50 มล./กก. (สำหรับภาวะขาดน้ำเล็กน้อย) และ 100 มล./กก. (สำหรับภาวะขาดน้ำเห็นได้ชัด)

(2.2) ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน ถ้ามีอาการเล็กน้อย และยังพอดื่มน้ำเกลือหรือน้ำข้าวต้มได้ ให้คอยสังเกตว่าได้รับน้ำเข้าไปมากกว่าส่วนที่อาเจียนออกมาหรือไม่ ถ้าอาเจียนออกมามากกว่าส่วนที่ดื่มเข้าไป หรือมีอาการอาเจียนมาก แพทย์จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำแทน

(3) ยาแก้ท้องเดิน ไม่มีประโยชน์ในการรักษาอาการท้องเดิน และถ้าใช้ผิด ๆ อาจเกิดโทษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโรคติดเชื้อ 

(4) ยาปฏิชีวนะ ส่วนใหญ่ไม่ต้องให้ ควรให้เฉพาะรายที่ตรวจพบว่าเป็นบิด อหิวาต์ หรือไทฟอยด์เท่านั้น

(5) ถ้าทราบสาเหตุของท้องเดิน ให้รักษาตามสาเหตุ

(6) ถ้าตรวจพบว่าเป็นโควิด-19 ให้การดูแลรักษาโรคโควิด-19

(7) ติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของโรค ถ้าถ่ายรุนแรง ปวดท้องรุนแรง อาเจียนรุนแรง มีภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือช็อก อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ แล้วรีบส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

อาการที่แสดงว่าผู้ป่วยดีขึ้น ได้แก่

    ถ่ายและอาเจียนน้อยลง
    ภาวะขาดน้ำลดน้อยลง
    ปัสสาวะออกมากขึ้น
    น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
    หน้าตาแจ่มใส ลุกนั่งหรือเดินได้ เด็กเล็กเริ่มวิ่งเล่นได้

2. ในรายที่เป็นท้องเดินชนิดเรื้อรัง ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด มีไข้เรื้อรัง หรือถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หลังเข้านอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นถ่ายท้องตอนดึก หรือมีอาการอุจจาระราด (กลั้นไม่อยู่) ก็จะส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ และให้รักษาตามสาเหตุที่พบ

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติและไม่มีภาวะแทรกซ้อน ในรายที่เป็นเรื้อรัง การรักษามักช่วยให้ควบคุมอาการได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในรายที่มีสาเหตุร้ายแรง (เช่น มะเร็งทางเดินอาหาร ลำไส้อักเสบเรื้อรัง) ก็อาจเพียงช่วยบรรเทาอาการและชะลอภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี


การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ ½ -1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเลา
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง 

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

สำหรับท้องเดินจากการติดเชื้อ สามารถป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

1. กินอาหารสุกและไม่มีแมลงวันตอม ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด (ไม่ดื่มน้ำคลองหรือน้ำบ่อแบบดิบ ๆ ไม่กินน้ำแข็งที่เตรียมไม่สะอาด)

2. ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ก่อนเตรียมอาหาร ก่อนเปิบข้าว และหลังถ่ายอุจจาระหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กทุกครั้ง

3. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่มิดชิด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

4. สำหรับทารก

    ควรเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
    ถ้าใช้ขวดนมเลี้ยงทารก ควรต้มขวดในน้ำเดือดนานอย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรคเสียก่อน
    ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานต่าง ๆ ตามกำหนดเวลา และให้อาหารเสริมแก่ทารกเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร


ข้อแนะนำ

1. ท้องเดินชนิดเฉียบพลัน ถ้าพบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุอาจมีอันตรายถึงตายได้ ถ้าให้การรักษาขั้นต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรส่งโรงพยาบาล

2. อันตรายที่เกิดจากโรคนี้ คือการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จึงควรแนะนำให้ประชาชนทั่วไปรู้จักใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ น้ำเกลือผสมเอง น้ำอัดลมหรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ ดื่มกินทันทีที่มีอาการท้องเดิน จะช่วยป้องกันมิให้อาการรุนแรงได้ สิ่งนี้นับเป็น "ยาแก้ท้องเดิน" ที่จำเป็นที่สุด

3. ในเด็กเล็ก อาการท้องเดินมีความสัมพันธ์กับโรคขาดอาหารอย่างมาก กล่าวคือ ท้องเดินบ่อยอาจทำให้ขาดอาหาร และโรคขาดอาหารอาจทำให้ท้องเดินบ่อย จึงควรรักษาทั้ง 2 โรคนี้อย่างจริงจัง

4. ควรอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจถึงสาเหตุของโรคท้องเดินในเด็กเล็กว่าไม่ได้เกี่ยวกับการยืดตัวของเด็กดังที่เข้าใจกันทั่วไป แต่เกิดจากการติดเชื้อซึ่งสามารถป้องกันได้

4
มอเตอร์โชว์: เกียจัดให้! มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ด้วยโปรดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.69% สำหรับ Carnival พร้อมมอบแพ็กเกจสุดคุ้มให้ลูกค้า Sorento, EV9 และ EV5

บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการเข้าร่วมงาน บิ๊กมอเตอร์เซล 2024 (BIG MOTOR SALE 2024) ด้วยการจัดแคมเปญดอกเบี้ยอัตราพิเศษ พร้อมมอบข้อเสนอสุดเร้าใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรีประกันภัยพร้อม พ.ร.บ., อุปกรณ์ Kia Home Charger สำหรับรถยนต์รุ่น EV และ PHEV รวมถึงแพ็กเกจ 5-5-5 สุดคุ้มสําหรับลูกค้าที่สนใจ The Kia Carnival ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจ 7-7-7-8 ที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด สําหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ SUV รุ่นอื่นๆ ของเกีย ร่วมสัมผัสยานยนต์ที่น่าสนใจหลากหลายรุ่น และโปรโมชันสุดเร้าใจจากเกีย ได้ที่บูธหมายเลข A06 ฮอลล์ EH-103 ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
 
นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 0.69% เมื่อซื้อ The Kia Carnival รุ่น 11 ที่นั่ง หรือรุ่น 7 ที่นั่ง พร้อมด้วยแพ็กเกจ ‘5-5-5’  ที่มอบการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดระยะทางยาวนานถึง 5 ปี นอกจากนี้ เกียยังนำเสนอโปรโมชันสุดเร้าใจสําหรับรถยนต์ SUV ทุกรุ่น ได้แก่ The Kia Sorento, The Kia EV9 และ The Kia EV5 ด้วยดอกเบี้ยอัตราพิเศษเพียง1.99% เงินดาวน์ต่ำ ฟรีประกันภัย พร้อมพ.ร.บ. และ Kia Home Charger ชุดชาร์จไฟฟ้าสําหรับรถยนต์กลุ่ม EV และ PHEV ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับลูกค้าที่สนใจยนตรกรรมรุ่น The Kia Sorento, The Kia EV9 และ The Kia EV5 เราได้เตรียมมอบแพ็กเกจสุดคุ้มในการเป็นเจ้าของรถยนต์เกีย ด้วยแพ็กเกจ ‘7-7-7-8’ ที่มอบการรับประกันคุณภาพตัวรถให้นานถึง 7 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี 24 ชั่วโมง และรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์เป็นระยะเวลา 8 ปี เชิญเยี่ยมชมและพบกับไลน์อัปยานยนต์คุณภาพเยี่ยม พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษที่คุ้มแบบจัดเต็มของเรา ได้ในงาน BIG MOTOR SALE 2024 บูธเกีย หมายเลข A06 ฮอลล์ EH-103 ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ”

 
โปรโมชันสำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์เกียรุ่นต่างๆ
 
โปรโมชันสำหรับลูกค้า The Kia Carnival (LX, EX, SXL, SXL Luxury):
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 0.69% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลานาน 1 ปี[2]
ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร [3]
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[4]
การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 0.69% สำหรับรุ่น LX, EX, SXL, SXL Luxury พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 5 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[4] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

 
โปรโมชันสำหรับลูกค้า The Sorento (PHEV):
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า[3]
ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปี หรือ 70,000 กิโลเมตร[4]
การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[6]
การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[7]
 
โปรโมชันสำหรับลูกค้า The Sorento (HEV):
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปี หรือ 70,000 กิโลเมตร[4]
การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[6]
การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[7]

หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] Kia Home Charger 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 49,000 บาท สำหรับรุ่น PHEV
[4] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 70,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
 
โปรโมชันสำหรับลูกค้า The EV9:
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 2 ปี[2]
ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า[3]
ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร [4]
การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[6]
การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[7]

หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] Kia Home Charger 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 69,000 บาท
[4] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
 
โปรโมชันสำหรับลูกค้า The EV5:
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน[1]
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี[2]
ฟรี Kia Home Charger 1 ชุด และ ค่าติดตั้ง Kia Home Charger ให้กับลูกค้า[3]
ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 105,000 กิโลเมตร [4]
การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร[5]
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง[6]
การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร[7]

หมายเหตุ:
[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.99% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
[3] Kia Home Charger 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 69,000 บาท สำหรับรุ่นย่อย Earth Exclusive, Earth มูลค่า 49,000 สำหรับรุ่นย่อย Air, Light
[4] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 7 ปีหรือ 105,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[5] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[6] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)
[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)
ข้อกำหนดและเงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท
สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567
เฉพาะผู้จำหน่ายฯ ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น
ไม่รวมรถแท็กซี่, รถเช่า, รถที่ขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษ, และลูกค้ารถเช่า
ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

5
หมอประจำบ้าน: มะเร็งกล่องเสียง (Laryngeal cancer)

มะเร็งกล่องเสียง พบได้ประมาณร้อยละ 3 ของมะเร็งทั้งหมด พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 10 เท่า และพบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉลี่ยอายุประมาณ 60-70 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การสูบบุหรี่ และจะพบมากขึ้นในผู้ที่ดื่มสุราร่วมด้วย
    การดื่มสุราจัด
    การติดเชื้อเอชพีวี (human papilloma virus/HPV)
    การสัมผัสสารใยหิน นิกเกิล ฝุ่นไม้ สี และสารเคมีบางชนิด (เช่น กรดกำมะถัน)
    การระคายเคืองเรื้อรังจากโรคกรดไหลย้อน
    ภาวะขาดสารอาหารซึ่งมักพบร่วมกับผู้ที่ดื่มสุราจัด
    การมีประวัติมะเร็งกล่องเสียงในครอบครัว

อาการ

มักมีอาการเสียงแหบเรื้อรังติดต่อกันนานเกิน 2-3 สัปดาห์ อาจมีอาการเจ็บคอเรื้อรัง ไอเรื้อรัง ปวดหู รู้สึกเจ็บเวลากลืนหรือกลืนลำบาก หรือสำลักร่วมด้วย

ต่อมาอาจพบมีเลือดออกปนกับเสมหะ ไอเป็นเลือด มีก้อนแข็งที่ข้างคอ น้ำหนักลด หายใจลำบากหรือหายใจมีเสียงดังฮี้ด (stridor)


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก และเกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอ (ก้อนบวมโตที่ข้างคอ) ต่อมไทรอยด์ (คอโต คอพอก) หลอดอาหาร (กลืนลำบาก) หลอดลม (ไอ หายใจลำบาก) ปอด (เจ็บหน้าอก ไอเป็นเลือด หายใจหอบ) เป็นต้น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย


การตรวจบริเวณคอ อาจพบก้อนแข็งที่ข้างคอ (ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองโตจากมะเร็งลุกลามในระยะท้าย ๆ ของโรค) การใช้เครื่องมือส่องตรวจภายในลำคอพบเนื้องอกที่กล่องเสียง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยใช้กล้องส่องตรวจกล่องเสียง (laryngoscopy) และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็ง ก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน-PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

ถ้าเป็นระยะแรกเริ่มจะรักษาโดยการฉายรังสีเป็นหลัก หรือผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ ทำให้รักษากล่องเสียงไว้ได้ และผู้ป่วยพูดได้เป็นปกติ แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามก็จะรักษาด้วยการผ่าตัดกล่องเสียงร่วมกับการฉายรังสี บางรายอาจให้เคมีบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drugs) ร่วมด้วย

ผลการรักษา ถ้าเป็นระยะแรกสามารถรักษาให้หายขาดและพูดได้เป็นปกติ (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 70-90)

ในรายที่เป็นระยะลุกลามไม่มากและผ่าตัดกล่องเสียง ก็มักจะมีชีวิตยืนยาว แต่พูดไม่ได้ และต้องฝึกพูดด้วยการเปล่งเสียงผ่านหลอดอาหาร (esophageal speech) หรือใช้อุปกรณ์ช่วยพูด (electrolarynx)

ในรายที่เป็นมะเร็งที่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 30-45)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเสียงแหบนานเกิน 2 สัปดาห์, มีอาการเจ็บคอ ไอ ปวดหู หรือกลืนลำบากเรื้อรัง, มีเลือดออกปนกับเสมหะ, มีก้อนแข็งที่ข้างคอ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบและงานจิตอาสาเท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวดประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์และทีมสุขภาพที่ดูแล

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก ซีด มีเลือดออก ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน กินไม่ได้ หายใจลำบาก เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกล่องเสียงด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารใยหิน ฝุ่นไม้
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ และได้รับสารอาหารครบถ้วนและสมดุล
    ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี โดยการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เสรีหรือไม่ปลอดภัย รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก และปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV vaccine)

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการเสียงแหบเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ ผู้ป่วยมักจะหายขาดและมีอายุยืนยาว สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่จะพูดไม่ได้เพราะถูกตัดกล่องเสียง ผู้ป่วยสามารถฝึกพูดเพื่อสื่อสารกับผู้คนได้

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

3. หลังการรักษาจนทุเลาดีแล้ว บางรายอาจมีมะเร็งกำเริบได้ ควรติดตามรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

6
money expo: ฟูลฟีล กับบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) บัตรเดียวครบทุกฟีลรอบตัวคุณ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

เปิดตัวกันไปล่าสุดกับ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) ที่นอกเหนือจากรูปแบบของบัตรเครดิตที่มีดีไซน์ใหม่สุดคูลแล้ว ยังมาพร้อมการถ่ายทอดเรื่องราวของบัตรที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ให้ใช้ชีวิตได้แบบฟินๆ ครบทุกฟีล บนไลฟ์สไตล์แบบครบรอบๆ ตัว กับแบรนด์ แอมบาสเดอร์ คุณเก้า - สุภัสสรา ธนชาต ที่มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจาก บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) ในทุกไลฟ์สไตล์ หากคุณเป็นสายช้อปปิ้ง กับฟีลฟินฟินรับส่วนลดสูงสุด 5%* รับคะแนน The1 สูงสุด 3 เท่า* จากกว่า 5,000 ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป เพิ่มด้วยฟีลช้อปคุ้มมากกว่า ร้านค้าที่ร่วมรายการในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วประเทศ ก็ได้รับเครดิตเงินคืน 5%* คะแนนเดอะวันสูงสุด X2* รวมถึงสิทธิประโยชน์ อาทิ รับส่วนลดสูงสุด 10% จากการช้อปออนไลน์ผ่าน CENTRAL APP อีกด้วยค่ะ ส่วนใครเป็นแฟนหนัง ก็จะได้ฟีลฟินๆ กับส่วนลด 50%* ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และในเครือเอส เอฟ พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกเพียบ  ขอบอกเลยนะคะว่าแค่พก บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) ใบเดียวก็สามารถใช้เป็นบัตรหลักที่ตอบโจทย์ทุกการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เลย
 
ยลโฉม "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" หน้าบัตรใหม่ ดีไซน์สุดคูล

การปรับโฉมใหม่สุดคูลของ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่คลีนในสไตล์มินิมอล สีขาว แดง โมเดิร์น ลุคใหม่นี้สะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจ และการเป็นผู้นำเทรนด์ต่างๆ ทั้งเทรนด์ช้อปปิ้ง กิน เที่ยว บอกเลยว่าได้ครบทุกฟีล ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังใช้ง่าย และสะดวก ตอบโจทย์นักช้อปตัวยง ด้วยฟังก์ชัน Digital Card ที่ให้ช้อปได้ทันทีเมื่อบัตรอนุมัติ ไม่ว่าจะช้อปออนไลน์ หรือสแกนจ่ายด้วย QR บนแอป UCHOOSE ก็จัดเต็มได้แบบทันใจเลยค่ะ
 
   ฟูลฟีลกับ "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" ด้วยสิทธิประโยชน์แบบจัดเต็ม

"บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) ให้ทุกฟีลได้มากกว่า บัตรเดียวครบทุกฟีลรอบตัวคุณ" เมื่อคุณเลือก บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) ให้เป็นบัตรหลักสำหรับทุกการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำกิจกรรมอะไร บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited) จะสามารถตอบโจทย์ให้คุณได้ครบแบบฟูลฟีลยังไงบ้าง ตามไปดู…

เจาะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต - ฟูลฟีล กับ "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)"
 
ถ้าพูดถึง "ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต" ของคนรุ่นใหม่ทั้งเรื่องช้อป กิน บันเทิง ช้อปออนไลน์ "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" เท่านั้นที่จะช่วยตอบทุกโจทย์ เติมเต็มได้ทุกฟีลที่คุณต้องการได้ และวันนี้เราจะมาเติมทุกกิจกรรมกับ 6 ฟีลนี้ไปด้วยกันค่ะ
 
 
1. ฟีลฟิน (Finale) สำหรับสายช้อป
 
"บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" เติมเต็มฟีล Great ให้คุณกับความคุ้มค่ากว่าเพราะได้ทั้งส่วนลด เครดิตเงินคืน และคะแนนสะสม ช่วยให้คุณ Complete ทุกรูปแบบการช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายที่ร้านค้าในเครือ CENTRAL Group กว่า 5,000 ร้าน เช่น Central, Robinson, Tops, Supersports ฯลฯ ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 5%* และรับคะแนนเดอะวัน สูงสุด x3*
 
หรือจะเป็นการช้อปแฟชั่นแบรนด์ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ เช่น Adidas, Pomelo, Marimekko, Element 72  ฯลฯ ก็ได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%* คะแนนเดอะวันสูงสุด X2* และยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกเพียบ
 
เช่น หากคุณเป็นคุณพ่อบ้าน คุณแม่บ้านสมัยใหม่ที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกันเอง สามารถไปเลือกซื้อของกิน ของใช้ที่ TOPS Market หรือ จะช้อปผ่าน Tops Online ก็สะดวกสุดๆ แถมยังได้ทั้งสินค้าที่ดี มีคุณภาพ แล้วยังได้รับโปรโมชันสุดคุ้ม รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7% กันเลยค่ะ
 
หรือหากคุณเป็นสายแฟชั่นแบรนด์ ห้ามพลาดกับโปรโมชัน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%* ที่ G2000, Guess, Fitflop, Hush Puppies, John Henry, Lee, Wrangler, Clarks, Comfy Club, The Outlet 24 (โซนพลาซ่า)

 
2. ฟีล Self Esteem ของคนรักสุขภาพ
 
Work Hard Play Hard กับไลฟ์สไตล์ที่สร้างสมดุลให้กับการใช้ชีวิต หลังจากทำงานหนักมาแล้วตลอดสัปดาห์ ก็ควรหันมาใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ ละ 3 ครั้ง ก็ช่วยเติมเต็มฟีล Self Esteem ของคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ และหากคิดจะออกกำลังกาย หรือหาอุปกรณ์คู่ใจ คุณสามารถรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15%* และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%* ที่ ซูเปอร์สปอร์ต และร้านค้าในเครือ CRC Sports ทุกสาขา และ Supersports Online เมื่อใช้จ่ายผ่าน "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)"
 
 
3. ฟีล Fun สำหรับสายอุปกรณ์หรือ gadget โดนๆ
 
ถ้าไม่อยาก OUT ต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี แค่มี "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" ใบเดียว ก็สามารถเติมเต็มฟีล FUN ให้คุณได้สนุกกับทุกเทรนด์ใหม่ ได้ง่ายๆ ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือ นาทีนี้ก็ต้อง iPhone14 กับโปรโมชันพิเศษ ผ่อน iPhone14 ทุกรุ่น ลดสูงสุด 12.5%* + ลดเพิ่ม 3%* แบ่งจ่าย 0%* พร้อมเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 40,000 บาท* ที่ เพาเวอร์บาย
 
หรือจะเป็นจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ Gadget ต่างๆ ก็รับสิทธิ์แบ่งจ่าย 0%* พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 15%* และ เครดิตเงินคืนจุกๆ สูงสุด 40,000 บาท* ที่ เพาเวอร์บาย ทุกสาขา
 

 
4. ฟีล Lifestyle สายบันเทิง

เหนื่อยล้า และเครียดสะสมจากการทำงานประจำวัน ลองเลือกทำกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ชอบ เช่น การเลือกดูภาพยนตร์ในสไตล์ที่ชอบสักเรื่อง นักแสดงดีๆ เนื้อเรื่องโดนใจ โปรดักชันสุดปัง ก็น่าจะทำให้เพลิดเพลิน และคลายความเครียดไปได้เยอะเลยค่ะ  แล้วยิ่งได้รับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ 50%* จาก "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" ด้วยแล้ว รับรองว่าหายเครียดเป็นปลิดทิ้งแน่นอนค่ะ
 

 
5. ฟีล Nonstop ช้อปออนไลน์
 
สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในการช้อปปิ้งออนไลน์ ต้องมาสร้างตำนานการช้อปบทใหม่แบบนอนสต็อป กับ "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" กันเลยค่ะ เพราะสามารถเลือกช้อปสินค้าเทรนด์ใหม่ๆ สินค้าแบรนด์เนม และสินค้าคุณภาพต่างๆ ได้ที่ CENTRAL APP แถมยังได้รับโค้ดส่วนลดสูงสุดถึง 10% และรับคะแนนเดอะวัน สูงสุด x3 เท่า* เติมเต็มฟีลนอนสต็อปได้แบบจบๆ ไปเลยค่ะ
 

 
6. ฟีล Joyful กับบ้านในฝัน
 
เมื่อบ้าน ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นสถานที่ที่เติมเต็มความสุขได้แบบไม่มีวันหมด และตอบโจทย์ความสุขของชีวิตได้ หลังจากที่ออกไปใช้พลังงานชีวิต กับเรื่องราววุ่นวายตลอดทั้งวัน เพียงแค่ได้กลับมาที่บ้าน ก็เหมือนได้ชาร์จแบต เติมพลังให้พร้อมออกไปในเช้าวันใหม่ วันนี้จะมาชวนช้อปสินค้าเพื่อบ้าน แบบออนไลน์ ผ่าน "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" ที่มาพร้อมโปรโมชันแบบจัดเต็ม ทั้งส่วนลด เครดิตเงินคืน แถมยังสามารถแบ่งจ่าย แบบ 0% ได้อีกด้วย
 
หรือหากคุณต้อง WFH หรือทำงานแบบ Hybrid การจัดมุมทำงานที่บ้านให้รู้สึกเป็นมิตร และผ่อนคลาย ก็จะช่วยเติมพลังในการทำงานได้นะคะ ลองหาไอเดียตกแต่งห้องทำงาน แล้วเลือกซื้ออุปกรณ์สำนักงานที่ดี มีคุณภาพ แถมยังสามารถเลือกแบ่งจ่ายได้ผ่าน "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" กับโปรโมชัน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%* ที่ ออฟฟิศเมท ทุกสาขา, OfficeMate Website, Mobile App, Contact Center และ Chat & Shop ก็จะได้โฮมออฟฟิศเก๋ๆ มีสไตล์ ใช้งานได้จริง และช่วยให้การทำงานที่บ้านโปรดักส์ทีฟมากขึ้นนะคะ
 
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฟีลไหน หรืออยากทำอะไร "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)" ก็ให้ทุกฟีลได้มากกว่า ด้วยสิทธิประโยชน์ที่เติมเต็ม บัตรเดียวครบทุกฟีลรอบตัวคุณ อย่าช้า…สมัครเลยวันนี้พร้อมรับโปรโมชันสมัครบัตรเครดิตสุดคุ้ม
 
ฟีลกู๊ด กับโปรโมชันสมัคร "บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน REDZ (limited)"
 
หลังจากเติมเต็มกันมาครบทุกฟีลแล้ว มาปิดท้ายแบบฟีลกู๊ด กับโปรโมชันสมัครบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เรดซ์ (ลิมิเต็ด) ผ่านช่องทางออนไลน์ รับของสมนาคุณ กระเป๋าเดินทางล้อลาก CAGGIONI REDZ LIMITED ขนาด 20 นิ้ว มูลค่า 4,990 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ภายใน 45 วัน นับจากวันที่บัตรได้รับการอนุมัติ

7
ผู้ป่วยติดเตียง ที่ให้อาหารสายยาง มักมีปัญหาสุขภาพตามมา

ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะเสื่อมโทรม ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวอยู่ตลอดเวลา หรือในบางกรณีอาจจะพอที่จะขยับตัวเองได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตนเองในเรื่องอื่นๆ ได้เลย โดยอาจมีสาเหตุมากมายที่ทำให้ผู้ป่วยต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลาหรือเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง ไม่ว่าจะเป็นภาวะความเจ็บป่วยจากการเป็นโรคหรือผู้ป่วยอาจจะประสบอุบัติเหตุ การผ่าตัดใหญ่ โดยผู้ป่วยที่มีอาการนอนติดเตียง อาจจะมีทั้งผู้ป่วยที่ยังรู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ได้

นอกจากนี้แล้วการนอนติดเตียง ยังเป็นภาวะที่อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมามากมายได้ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เช่น การเกิดแผลกดทับ เกิดภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินปัสสาวะ ที่กล่าวมานั้นเรียกว่าผู้ป่วยติดเตียง  อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยติดเตียงในบางรายอาจจะต้องได้รับอาหารทางสายยาง เนื่องจากร่างกายอาจจะทำงานได้ไม่เป็นปกติ เช่น เกิดการภาวะการกลืนลำบาก หรือไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้

แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงและไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ จนต้องให้อาหารทางสายยาง เพราะผู้ป่วยติดเตียงบางคนเกิดภาวะการกลืนลำบากหรืออาจจะต้องให้อาหารทางสายยาง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหาร และเพื่อให้ร่างกายได้รักษาสมดุลของระบบต่างๆ แต่การให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วยติดเตียงก็มีข้อเสียอยู่หลายข้อ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องผูก


เพราะผู้ป่วยบางรายเมื่อรับอาหารเข้าไปแล้ว ร่างกายเกิดการย่อยยาก จนทำให้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งโดยปกติการขับถ่ายของคนทั่วไป ร่างกายจะต้องมีการเคลื่อนไหว เพื่อให้ลำไส้มีการบีบตัว ช่วยลำเลียงของเสียออกจากร่างกาย แต่เมื่อนอนติดเตียง จึงมักทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพ เช่น ท้องผูกเพราะร่างกายขยับน้อย เคลื่อนไหวได้น้อย ซึ่งการที่ร่างกายได้รับใยอาหารเสริม หรือ จุลินทรีย์ชนิดดี ก็จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้การรับประทานผักและผลไม้ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้ดี แต่ผักผลไม้บางประเภท ก็ควรที่จำกัดปริมาณในการรับประทาน เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้

ปัญหาต่อมาคือ การที่ผู้ป่วยไม่ได้ขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกาย อาจจะส่งผลให่ผู้ป่วยติดเตียงมีกล้ามเนื้อน้อย เพราะเมื่อผู้ป่วยขยับร่างกายน้อยหรือไม่ขยับร่างกายเลย ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อก็มักจะน้อยตาม ซึ่งการได้รับอาหารที่ครบถ้วน มีโปรตีนที่เพียงพอ เป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งที่ดี ควบคู่กับการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อลดลงรวดเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม หากให้ผู้ป่วยนอนติดเตียงนอนกิน อาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดการสำลักได้ และที่แย่ก็คืออาจทำให้มีเศษอาหารหลุดเข้าไปในหลอดลมจนส่งผลให้ปอดเกิดการอักเสบติดเชื้อ


ซึ่งถ้าหากเป็นเศษอาหารชิ้นใหญ่อาจทำให้ไปอุดหลอดลมจนกระทั่งขาดอากาศหายใจได้เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการสำลักจึงไม่ควรให้ผู้ป่วยทานอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะให้ผู้ป่วยได้ทานอาหารจึงควรจับผู้ป่วยให้นั่งตัวตรง โดยพยายามให้ผู้ป่วยนั่งตัวตรงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรให้ผู้ป่วยได้นั่งอยู่ในท่าเดิมเพื่อให้อาหารได้ย่อยก่อนสัก 1 – 2 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยให้นอนลง ทั้งนี้ขอสนับสนุนให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ ทางเรามีบริการอาหารทางสายยาง ที่มีคุณภาพ ผ่านการปรุงจากนักโภชนาการที่มีความเชี่ยวชาญ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า อาหารปั่นผสมจะมีมาตรฐานและความปลอดภัยอย่างแน่นอน

8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



9
ขายรถผู้ริหาร Toyota fortuner leader 2.4 G AT ปี2023 ฟรี ประกันหลังการขาย

โตโยต้า Toyota Fortuner 2.4 Leader G AT ปี 2023
Toyota Fortuner 2.4 Leader G AT สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ราคาเหมาะสม พร้อมดีไซน์พรีเมียม สวยสะดุดตา อมตะเหนือกาลเวลา และความคุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เพิ่มความคุ้มค่าเหนือกาลเวลาสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Wireless chargerเฉพาะเกรด V, มั่นใจทุกการเดินทางด้วยระบบช่วยเดือนลมยาง, สะดวกสบายด้วยระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM) - ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA - ระบบกล้องมองรอบคัน 360 องศา (PVM)

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
ฟรี ประกันหลังการขาย เครื่อง เกียร์ (ส่งซ่อมห้าง) 1 ปี / 10,000 กม.
ฟรี บริการเซ็นเอกสารจัดไฟแนนซ์ถึงบ้านทั่วไทย

ราคาพิเศษ 1,139,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Toyota
   รุ่น                    โตโยต้า Toyota Fortuner 2.4 Leader G AT ปี 2023
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ SUV
   ปีที่เปิดตัว            2023


10
จัดฟันบางนา: เด็กควรจัดฟันตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การจัดฟัน เป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการเรียงตัวของฟัน รวมไปถึงปัญหาฟันสบกันผิดปกติ ฟันซ้อนเก ทำให้มีอุปสรรคในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงการเข้าสังคมและยังทำให้มีรอยยิ้มที่ไม่สวยงาม ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาวแต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ การจัดฟันเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนอกจากจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก การจัดฟันยังช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับการจัดฟันให้เข้ารูปได้อีกด้วย ดังนั้นการจัดฟันจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดีขึ้นได้การจัดฟันเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฟัน ด้วยการใช้เครื่องมือทั้งภายนอกและภายในช่องปากเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างของฟันใหม่อย่างช้าๆ โดยปกติแล้วการเคลื่อนของตัวฟันจะมีอัตรา 1 มิลลิเมตรต่อ 1 เดือนนอกจากนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมจะต้องเข้ารับการจัดฟันต้องบอกก่อนว่า

เนื่องจากฟันของแต่ละคนมีขนาดรูปร่างและการเรียงตัวที่แตกต่างกัน โดยจะมีพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด โดยบางครั้งฟันอาจเรียงตัวไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น สามารถทำความสะอาดฟันได้ลำบากและไม่มีประสิทธิภาพมี ปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งการจัดฟันจะเป็นตัวช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันดีขึ้น ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังลดอัตราเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้

และในปัจจุบันมีการพัฒนาในเรื่องของการจัดฟัน ให้มีการจัดฟันในเด็กซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นปกติที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากจะ ให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากที่ดี มีฟันสวยและสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ ซึ่งโดยปกติพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรจะพาเด็กเด็กหรือบุตรหลานไปพบทันตแพทย์ เพื่อทำการตรวจช่องปากเป็นประจำทุกปีเนื่องจากสุขภาพฟันของเด็กนั้นยังมีฟันน้ำนมอยู่ การสูญเสียฟันน้ำนมก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะจะมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ หากเด็กเด็กตรวจพบว่ามีการสบฟันที่มีความผิดปกติตั้งแต่ยังเด็กสามารถแก้ไขได้ด้วยการ จัดฟันเพื่อทำให้ป้องกันการเกิดปัญหาการขึ้นของฟันแท้นั่นเอง

วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งประเด็นของวันนี้ก็คือ การจัดฟันในเด็กนั้น ควรทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่ การจัดฟันแบบเบื้องต้นในเด็กนั้นอาจไม่ได้จำเป็นต่อเด็กทุกคน แต่จะเป็นการดีกว่า หากพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจกับทันตแพทย์ เพื่อเข้ารับการจัดฟันและสามารถทำได้ในช่วงอายุ7- 10 ปีและหากพบสัญญาณความผิดปกติ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขณะที่ฟันแท้กำลังขึ้นเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้

สำหรับการจัดฟันในเด็ก หลายคนสงสัยว่ามีประโยชน์อย่างไรและจัดฟันทั้งทั้งที่เด็กยังมีฟันน้ำนมอยู่นั้นสามารถทำได้ ด้วยหรือ ต้องบอกก่อนว่าการจัดฟันนั้นไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟันและความสวยงามของการเรียงตัวของฟัน นอกเหนือจากเรื่องของรอยยิ้มที่จะทำให้มีความสวยงามมีความมั่นใจแล้วการจัดฟันยังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง เช่น เมื่อมีฟันที่เรียงตัวกันสวยงาม เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างเต็มที่ เรื่องของความสะอาดภายในช่องปาก ถือเป็นเรื่องสุขอนามัยเบื้องต้นที่จะเด็กจะต้องปฏิบัติ นอกจากนั้นทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน อาจมีส่วนช่วยหาทางบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ติดการดูดนิ้ว ซึ่งสร้างผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้ ทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของการออกเสียง การหายใจและการเคี้ยวอาหารนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีความสนใจและต้องการที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถขอรับคำแนะนำได้จากทางคลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ด้วยการการันตีถึงประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 10 ปี จะทำให้มั่นใจว่าบุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางคลินิก ยังมีบริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจรหากพ่อแม่ผู้ปกครองมีความสนใจที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก็สามารถขอเข้ารับคำแนะนำได้

11
วัดเขาไม้แดง ชลบุรี ทำบุญ ไหว้พระขอพร เจิมโฉนดที่ดิน เจิมมือ เสริมดวงโชคลาภมั่งมี

ใครที่เป็นคนจังหวัดชลบุรี หรืออยู่ในแวดวงสายมู เสริมดวงชะตาด้วยวิธีการเจิมมือ หรือการจารยันต์ที่ฝ่ามือ เชื่อว่าจะต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของ วัดเขาไม้แดง มาไม่มากก็น้อย เพราะมีสาธุชนที่เลื่อมใสและผู้คนที่สนใจหลั่งไหลกันมากราบไหว้ ทำบุญ และเข้าร่วมพิธีเจิมมือและเจิมโฉนดที่ดินกันแน่นขนัดไปหมด วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ วัดเขาไม้แดง หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่มีการเจิมมือ นะพระแม่โพสพ และเจิมโฉนดที่ดิน เบิกพระแม่ธรณี (ขายที่) กัน

วัดเขาไม้แดง ประวัติและที่ตั้ง

วัดเขาไม้แดง หนึ่งในที่เที่ยวชลบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นวัดบนเนินเขา ที่มีความเงียบสงบ และอากาศเย็นสบาย อีกทั้งยังมีวิวทิวทัศน์สวยงาม เพราะที่ตั้งของวัดนั้นจะอยู่ใกล้กับน้ำตกชันตาเถร ภายในวัดจะมีพระบรมสารีริกธาตุ รูปหล่อหลวงพ่อยงยุทธ อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และวิวสวย ๆ ของอ่างเก็บน้ำบางพระอีกด้วย

          สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดเขาไม้แดง เริ่มต้นขึ้นมาจาก หลวงพ่อยงยุทธ ธมฺมโกสโล อดีตเจ้าอาวาสที่ได้ธุดงค์มายังพื้นที่ในบริเวณนี้ ท่านเองคิดว่าเหมาะควรที่จะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ก็เลยเริ่มสร้างวัดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 กระทั่งเมื่อหลวงพ่อยงยุทธใกล้มรณภาพลงในปี พ.ศ. 2545 ก็ได้มีการสั่งให้สร้างรูปหล่อของท่านในท่ายืนเดินธุดงค์ขึ้นมา ไว้สำหรับบรรจุสังขารหลังมรณภาพของท่านเอาไว้ เพื่อให้ผู้คนที่ศรัทธาได้มาสักการะขอพรกราบไหว้บูชากัน

          ทุกวันนี้ วัดเขาไม้แดง อยู่ในการดูแลของ พระครูวิสิฐ์ธรรมโสภณ หรือ หลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เป็นลูกศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อยงยุทธ และได้เมตตาประกอบพิธีการจารมือยันต์นะแม่โพสพ
วัดไม้เขาแดง


พระอุโบสถ
           ในส่วนพระอุโบสถของวัดเขาไม้แดงนั้น ถือเป็นอุโบสถที่มีความสวยงามอย่างมาก เนื่องจากมีขนาดใหญ่สีแดงโดดเด่น ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังมีพระพุทธนาคพันธ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณที่ขุดพบได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์  และเมื่อมองออกรอบบริเวณโบสถ์จะเห็นวิวธรรมชาติ

เป็นรูปหล่อที่บรรจุสังขาร (ร่างกาย) ที่ไม่เน่าเปื่อย ของหลวงพ่อยงยุทธ ธมฺมโกสโล อดีตเจ้าอาวาสบรรจุท่ายืนอยู่ในรูปหล่อทองเหลืองยืนเดินธุดงค์ขนาดความสูง 3.36  เมตร หนึ่งเดียวในประเทศไทย

มณฑป รูปหล่อหลวงพ่อพุฒ ธมฺมิโก (สารสุข) และรูปหล่อหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

          ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่สำคัญห้ามพลาดของวัดเขาไม้แดง เป็นมณฑปที่ภายในมีการประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อพุฒ ธมฺมิโก (สารสุข) และรูปหล่อหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นอกจากนี้ ด้านใต้มณฑปนั้น หลวงพ่อพุฒ ได้สร้างเป็นถ้ำมหาอุตม์ เฉกเช่นเดียวกับการสร้างโบสถ์มหาอุตม์เข้าออกทางเดียว เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการสร้างวัตถุมงคลของท่าน จนทำให้วัตถุมงคลหลวงพ่อพุฒโดดเด่นในด้านคงกระพัน แคล้วคลาด

          นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีเจดีย์รูปทรงโค้งมน ด้านในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และด้านนอกยังมีเจ้าแม่กวนอิม ปางห้ามสมุทร และเทพนาจา ให้ได้สักการะกันอีกด้วย
          หากกล่าวถึง เจ้าแม่กวนอิม พระองค์คือหนึ่งในพระโพธิสัตว์ หรือเทพเจ้าที่คนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนนับถือเป็นอย่างมาก ซึ่งคำว่า กวนอิม หมายถึง “การสังเกตเสียงของโลก” ในศาสนาพุทธของจีน และคำว่า กวนอิม ยังมีความหมายเหมือนกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ความกรุณา และความรัก เจ้าแม่กวนอิมยังเป็นหนึ่งในเทพ 78 องค์ของไพ่เทวะมันตรา พยากรณ์ ซึ่งเป็นไพ่พยากรณ์ 78 ใบ ที่ทำนายในเรื่องความรัก การเงิน การงาน สุขภาพ และเพื่อหาคำตอบให้กับแนวทางชีวิตในอนาคต ทั้งยังช่วยคลี่คลายปัญหาและความคับข้องใจหมองใจที่เกิดขึ้นกับเราอีกด้วย


พิธีการจารมือยันต์นะแม่โพสพ วัดเขาไม้แดง

           วัดเขาไม้แดงขึ้นชื่อเรื่องการเจิมฝ่ามือ เจิมหน้าผาก เจิมโฉนดที่ดิน จนหลายคนกลับไปมีโชคลาภก้อนโต โดยพระครูวิสิฐ์ธรรมโสภณ หรือ หลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสวัดเขาไม้แดง มีเมตตาทำการเจิมหน้าผาก เปิดสิริมงคลให้กับทุกคนด้วย ซึ่งการเจิมมือ หรือการจารมือยันต์นะแม่โพสพ เป็นตำรับโบราณที่หลวงพ่อยงยุทธได้รับการถ่ายทอดมาจาก  หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และถ่ายทอดมาสู่หลวงพ่อสง่า ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยมีความเชื่อกันว่า เมื่อเจิมมือแล้ว จะไม่มีอดมีอยาก ไม่ยากไม่จน และยังป้องกันคุณผี คุณคน คุณไสย และเสนียดจัญไรต่าง ๆ นานาด้วย (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ)

ขั้นตอนต่าง ๆ ในพิธีการจารมือยันต์นะแม่โพสพ วัดเขาไม้แดง

    เมื่อรับบัตรคิวแล้ว จากนั้นให้ไหว้พระพุทธรูป รับพานครู และกล่าวคำบูชาพระแม่โพสพ
     
    เมื่อถึงลำดับของตน ให้ยกพานถวายหลวงพ่อสง่า
     
    หลวงพ่อสง่าจะเริ่มจารในมือที่เราถนัดก่อนด้วยนะแม่โพสพ จากนั้นจะจารมืออีกข้าง ด้วยนะเศรษฐี และแปะแผ่นเงินแผ่นทองที่ฝ่ามือ
     
    เมื่อเสร็จการเจิมมือ หลวงพ่อสง่าจะมอบข้าวสารถุงเล็ก ให้นำกลับมาบูชาเป็นสิริมงคลที่บ้าน เพื่อเป็นเคล็ดมีกินมีใช้ หรือหากบ้านใดมีสถานที่อาถรรพ์ ก็สามารถนำข้าวสารที่ได้ไปหว่าน สามารถขับไล่เสนียดจัญไรได้ โดยจะมีคาถาหัวใจแม่พระโพสพ สำหรับกำกับข้าวก่อนใส่หม้อหรือหว่านโปรย
   
ทั้งนี้ การเจิมมือนะพระแม่โพสพ สามารถลงได้ทุกวัน ยกเว้นวันพระและวันที่หลวงพ่อติดกิจนิมนต์สำคัญ โดยมีข้อห้ามและข้อพึงระวัง ดังนี้
 
    ไม่ด่าพ่อแม่ลบหลู่ผู้มีพระคุณ

    ไม่ประพฤติผิดในกาม

    ยึดมั่นในศีลธรรม
     

สำหรับการเจิมมือนะพระแม่โพสพ มีความเชื่อกันว่า หากมีการเจิมมือ
 
    ลง 1 ครั้ง เป็นที่รักแก่มนุษย์ทั้งหลาย

    ลง 9 ครั้ง เป็นที่รักของเทวดาทั้งหลาย

    ลง 16 ครั้ง เป็นที่รักของพรหมทั้งหลาย

    ลง 108  ครั้ง เป็นมหามงคลเทวดาทุกชั้นฟ้าและอมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย จะไม่ทำร้ายและไม่มีวันเสื่อม ติดไปยังชั่วลูกชั่วหลาน


พิธีการเจิมโฉนดที่ดิน เบิกพระแม่ธรณี (ขายที่) วัดเขาไม้แดง

          สำหรับเรื่องการเจิมโฉนดที่ดินนั้น มีความเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่สมัยอดีตเจ้าอาวาส หลวงพ่อยงยุทธ ธมฺมโกสโล สมัยก่อนทั้งลูกศิษย์ลูกหาหรือญาติโยมคนไหนมาเล่าให้ท่านฟังว่า สถานที่ที่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือที่พักอาศัย ซึ่งอยู่แล้วเกิดความไม่สบายกาย สบายใจ คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง หรืออยู่แล้วเจ็บป่วยบ่อยสุขภาพไม่ดีบ้าง หลวงพ่อท่านก็จะมีวิธีการอย่างหนึ่งคือ ให้พระไปนั่งแผ่เมตตาในสถานที่นั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นอาคาร เป็นตึกแถว หรือแม้แต่ที่ดินเปล่าก็ตาม ให้พระไปเจริญเมตตา

          ปัจจุบันได้ปรับให้เป็นการเจิมโฉนดที่ดิน เบิกพระแม่ธรณี ซึ่งเป็นการเจิมตามตำรับวิชาและสวดกรณียเมตตสูตร คาถาแผ่เมตตา ให้กับวิญญาณ เจ้าที่ เจ้าทาง เทวดาคุ้มครอง สวดมนต์เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร รวมทั้งการปลุกเสกโฉนดที่ดินให้สามารถขายออกได้อย่างรวดเร็วด้วย

วัดเขาไม้แดง การเดินทาง

           ถ้าเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 เมื่อผ่านถนนข้าวหลาม จะเจอแยกสวนผีเสื้อเก่า และก่อนถึงสะพานลอย จะเห็นป้ายบอกทางไป วัดเขาไม้แดง และน้ำตกชันตาเถร ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปได้เลย

    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.
    ที่อยู่ : 176/1 หมู่ 5 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
    พิกัด : วัดเขาไม้แดง

12
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รถปลั๊กอินไฮบริดรหัสตัวแรงรุ่นแรกในไทยเปิดราคาที่ 5,850,000 บาท

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รถเอสยูวีสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid เจเนเรชั่นที่ 4 สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) ติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงแบบจัดเต็ม และเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว สำหรับรุ่นประกอบในประเทศ และยังมี AMG Performance 4MATIC+, AMG RIDE CONTROL+ suspension, AMG high-performance brake system และ AMG Performance exhaust system โดยเปิดราคาจำหน่ายที่ 5,850,000 บาท ที่ตัวแทนจำหน่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป


Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ (M256M) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in hybrid และแบตเตอรี่ขนาด 31.2 kWh มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ดีไซน์ภายนอกเพิ่มความดึงดูดสายตาบนท้องถนนด้วยการตกแต่งแบบ AMG Night Package กับสี Deep gloss black ที่ถูกตัดแซมไว้บนชุดกันชนหน้า A-wing กระจกมองข้าง คิ้วขอบกระจก แร็คหลังคา กันชนท้าย และปลายท่อคู่อันทรงพลังเพื่อมอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior


ไฟหน้า MULTIBEAM LED ผสานการทำงานกับ Adaptive Highbeam assist Plus ที่จะมอบความปลอดภัยขณะขับขี่แบบไร้กังวล ติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Cross-spoke ขนาด 22 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน matte black         


ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มาพร้อม AMG Interior Package มอบรายละเอียดการตกแต่งที่โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและไมโครไฟเบอร์ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร


มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 แบบ zero-layer concept ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอธีมพิเศษของ AMG รวมถึงการวัดแทร็กสนาม โดยควบคุมผ่านจอกลางแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับ AMG Head-up Display ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งระบบนำทางแสดงภาพเสมือนจริง MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตัว กำลังขับ 590 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ


ติดตั้งโปรแกรมการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT สามารถปรับเลือกได้ถึง 7 รูปแบบ ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ รวมถึงโหมด Off-Road ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบ Transparent bonnet ที่จะแสดงภาพใต้ท้องรถแบบ real-time ทำให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive AIRMATIC) และระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 6 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต ติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Performance exhaust system ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่อที่เร้าใจที่สุดของ Mercedes-AMG สามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง หรือบน AMG steering wheel buttons พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด

สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Plus Package และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ

Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White), สีดำ (Obsidian Black), สีเทา (Selenite Grey), สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) และสีแดง (MANUFAKTUR Hyacinth Red Metallic)

13
มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: Mitsubishi Triton รถกระบะตัวเตี้ยหน้าใหม่ แต่งซิ่งจัดเต็ม!!

หนึ่งในไฮไลท์จากบูธมิตซูบิชิในงาน BIG Motor Sale 2019 จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากรถกระบะ Mitsubishi Triton ตัวเตี้ยหน้าใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวเผยโฉมกันไปไม่นานนี้ ซึ่งในงานครั้งนี้เองก็ได้มีการอวดโฉมคันตกแต่งจัดเต็มรอบคันทั้งภายนอกและภายในกับรุ่น รุ่น Mega Cab


สำหรับรถกระบะ Mitsubishi Triton ตัวเตี้ยหน้าใหม่แต่งเต็มรอบคันนี้ เด่นมาด้วยชุดกันชนหน้าแท้จากมิตซูบิชิ ราคา 5,500 บาท เสริมความบึกบึนด้วยชุดวายบอดี้จาก Garage Unique ที่มากับโป่งล้อหน้าและหลัง ราคา 39,999 บาท ฝากระโปรงหน้าคาร์บอน ราคา 16,000 บาท ตกแต่งรอบคันด้วยสติ๊กเกอร์ โหดดุดันด้วยล้อขนาดใหญ่ 18 นิ้ว จาก LENSO ราคา 28,950 บาท รัดด้วยยาง Project D D-One ขนาด 255/50 R18 ราคาเส้นละ 4,800 บาท


ส่วนภายในของกระบะใหม่แต่งคันนี้ติดตั้งชุดเบาะซิ่งจาก Recaro ที่มีราคาคู่ละ 69,800 บาท พวงมาลัยซิ่ง MOMO ราคา 12,000 บาท แต่งหัวเกียร์จาก Sparco ราคา 2,000 บาท รวมไปถึงแป้นเหยียบ 2,500 บาท ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่ารวบรวมของแต่งจากหลากสำนักมาแต่งไว้ในรถกระบะคันนี้ โดยในงานนี้ก็ได้รับความสนใจไม่น้อยจากสายรถกระบะ เรียกได้ว่าความโดดเด่นนั้นชวนให้ต้องเข้าไปยลโฉมกันใกล้ๆ เลยทีเดียว

ส่วนขุมกำลังเดิมๆ นั้นมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4D56 ขนาด 2.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด สนนราคารถ ในรุ่น Mega Cab มีดังนี้

- รุ่น Mega Cab 2.5 GL M/T ราคา 602,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 23,000 บาท)

- รุ่น Mega Cab 2.5 GLX M/T ราคา 632,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 11,000 บาท)

14
อาหารสุขภาพต้านมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยง บำรุงร่างกาย กินได้ทุกวัน

โรคมะเร็งถือเป็นโรคที่ส่งผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ และเกิดขึ้นได้กับผู้คนนับล้านทั่วโลก แม้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของมะเร็ง แต่การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่สมดุล จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้


ถึงแม้ว่าไม่มีอาหารชนิดใดที่สามารถรับประกันได้ว่าสามารถป้องกันมะเร็งได้โดยตรง แต่การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลายก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ อาหารที่สมดุลควรทำควบคู่ไปกับวิถีชีวิตที่สมดุล ซึ่งควรมีทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป รวมถึงการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็สามารถป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ


7 อาหารต้านมะเร็ง


1. ถั่วและเมล็ดพืช

     ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ วอลนัท และเมล็ดแฟลกซ์ อุดมไปด้วยสารอาหารและสารประกอบที่สำคัญ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 และไฟโตเคมิคอล สารประกอบเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงการบริโภคธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ควินัว และข้าวโอ๊ต จะให้เส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุที่มีส่วนดีต่อสุขภาพ ซึ่งอาหารที่มีกากใยสูงสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่


2. ผลเบอร์รี่

     ผลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและการอักเสบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนที่เชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง


3. ปลาที่มีไขมันดี

     ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และซาร์ดีน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ไขมันดีเหล่านี้มีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบและอาจมีส่วนในการป้องกันมะเร็งบางชนิด ซึ่งรวมถึงมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย


4. ชาเขียว

     ชาเขียวมีสารประกอบสำคัญที่ชื่อคาเทชิน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันมะเร็ง และยังมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยลดการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งของชาเขียว คือการเข้าไปยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและป้องกันการแพร่กระจายของเนื้องอก


5. กระเทียม

     กระเทียมมีสารอัลลิซินซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็ง การศึกษาพบว่ากระเทียมอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิด ซึ่งรวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งลำไส้ใหญ่


6. ผักใบเขียว

     ผักใบเขียวและผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักโขม ผักคะน้า บรอกโคลี กะหล่ำดอก และกะหล่ำดาว อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีคลอโรฟิลล์ซึ่งมีคุณสมบัติในการล้างพิษและอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ ผักตระกูลกะหล่ำ ยังอุดมไปด้วยสารประกอบ เช่น ซัลโฟราเฟน ซึ่งสารประกอบเหล่านี้มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง โดยช่วยกระตุ้นให้เกิดการล้างพิษของสารก่อมะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้


7. มะเขือเทศ

     มะเขือเทศเป็นอาหารที่มีไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเขือเทศปรุงสุกช่วยเพิ่มประโยชน์ของไลโคปีนได้มากกว่ามะเขือเทศที่ยังไม่ผ่านการทำให้สุก

15
พูดคุยเรื่องทั่วไป / รถยนต์ไฟฟ้า 2024: เนต้า Neta V II Smart ปี 2024
« เมื่อ: วันที่ 12 พฤศจิกายน 2024, 18:11:46 น. »
รถยนต์ไฟฟ้า 2024: เนต้า Neta V II Smart ปี 2024
459,000 บาท

เนต้า Neta V II Smart ปี 2024
NETA V-II Smart รถยนต์ไฟฟ้าที่หลายคนรอคอยรุ่นประกอบในประเทศไทย นับว่าเป็นไมเนอร์เชนจ์เล็ก ๆ เริ่มด้วยกระจังหน้าใหม่ลายตาข่ายดูหรูหราขึ้นกว่าเดิม ไฟท้ายลายใหม่พร้อมเส้นไฟยาวพาดเชื่อมถึงกัน และติดตั้งที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง เพิ่มระบบ ADAS - Adaptive Cruise Control แบต 36.1 kW วิ่งไกล 382 km. ชาร์จ DC ราคาจำหน่าย 569,000 บาท ปรับลดเหลือ 459,000 บาท มาพร้อมการรับประกัน ดังนี้
รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
รับประกันคุณภาพมอเตอร์ไฟฟ้า 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Neta
   รุ่น                   เนต้า Neta V II Smart ปี 2024
   ประเภทรถ          รถเก๋ง 5 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา               459,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลัง
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟท้าย LED (แบบ Through-type LED)
ขนาดยางหน้า-หลัง (185/55R16)
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (LED)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (แผ่นปิดห้องเครื่องด้านหน้า,ไฟแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่,ไฟส่องนำทางขณะดับเครื่องยนต์)
ยางอะไหล่สำรอง (จะได้เป็นชุดซ่อมยางฉุกเฉิน)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (16 นิ้ว)

   ภายใน
กระจกมองหลังตัดแสง
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (เกียร์ไฟฟ้า)
พวงมาลัยไฟฟ้า

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                   Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS              มี
   ชนิดแบตเตอรี่                 ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่               36.1 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง 382 กม.
   น้ำหนักตัวรถ                    -
   ประเภทยางรถยนต์             -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)               ล้ออัลลอย (16 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESC,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS)
ตัวถังนิรภัย (HSS Body)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (เมื่ออออกตัวรถ)
กุญแจรีโมท (Smart Key)
กุญแจนิรภัย (Immobilizer)
ไฟเบรกดวงที่ 3 (LED)
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบป้องกันการไหลโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง,ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS,ระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ HEPT 3.0,ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่)
เข็มขัดนิรภัย (คู่หน้าแบบรั้งตัวและดึงกลับอัตโนมัติ,แถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HAC/ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC)
อื่นๆ (ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน)
กล้อง (มองหลัง)
เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collisio
เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking - IEB)
เบรกมือไฟฟ้า (EPB)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)

หน้า: [1] 2 3 ... 17